เรื่องย่อหนัง
หนัง Resident Evil : The Final Chapter หรือชื่อไทยว่า อวสารผีชีวะ เหล่ามวลมนุษยชาติกำลังจะสูญพันธุ์ อลิซ คือผู้รอดชีวิต และเป็นความหวังหนึ่งเดียว เธอจึงต้องเดินทางกลับไปยังเมืองแร็คคูนซิตี้ ที่ๆ อัลเบรลล่า คอร์ปอเรชั่น วางแผนที่จะกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้หมดสิ้น แต่ทว่าปัญหาคือ พลังพิเศษที่เธอมีกำลังค่อยๆ หมดไป! บวกกับเวลาเส้นตายที่ใกล้เข้ามา! เธอจะสามารถหยุดยั้งหายนะที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่? โดยภาคนี้นักแสดงสาว “มิลล่า โจโววิช” ยังกลับมารับบท อลิซ เช่นเดิม ร่วมไปถึง อาลี ลาร์เทอร์ ในบท แคลร์ เรดฟลิด์, เอียน เกลน ในบท ดร.อเล็กซานเดอร์ ไอแซ็คส์ จาก

Resident Evil: Extinction และ ชอว์น โรเบิร์ตส์ ในบท อัลเบิร์ต เวสเกอร์ จาก Resident Evil: Afterlife นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงหน้าใหม่มาสมทบ อาทิ รูบี้ โรส, โอเวน แม็คเคน, วิลเลียม เลวี, เฟรเซอร์ เจมส์ ร่วมด้วยนักแสดงจากเอเชียอย่าง ลี จุน กิ และนางแบบสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น โรลา ฯลฯ กำกับภาพยนตร์โดย พอล ดับเบิลยู. เอส. แอนเดอร์สัน
ตัวอย่างหนังออนไลน์

รีวิวหนัง
Resident Evil The Final Chapter อวสานซักที ผีชีวะ

หลังจากที่เริ่มเดินเครื่องออกทะเลอันไกลโพ้น ตั้งแต่ภาค 3 กลับมาพายเรือวนในอ่างในภาค 4 และ ดำน้ำเล่นในภาค 5 กลับมาครั้งนี้ ผู้สร้างคอนเฟิร์มกลับมาเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ นะ?

ภาคนี้เปิดเรื่องด้วยเทคนิคการเล่าย้อนภาค1-5 #อีกแล้ว ตามระเบียบซีรีย์ชุดนี้ แต่ภาคนี้มีการเล่าย้อนไปก่อนภาคแรก ถึงต้นกำเนิดจริงๆ ของทีไวรัส ถูกสร้างมาเพื่ออะไร ทำไมถึงต้องสร้าง และหลุดรอดมาได้ยังไง (ในส่วนนี้ตอนแรกยอมรับว่าโอเคที่จะย้อนไปถึงโน้น) แต่หลังจากดูจบแล้วมาคิดดูว่าในส่วนของผู้ที่คิดค้นทีไวรัส จริงๆ แล้วนั้นทำไมเป็นคนละคนกับภาค 2 (คงต้องหาเวลาไปเก็บรายละเอียดให้ครบอีกที)

หลังจากที่ย้อนอดีตให้คนดูหวนรำลึกภาคเก่าๆ แล้ว ก็ถึงเวลาเดินเครื่องเต็มสปีดซักที จากฉากท้ายของภาคที่แล้ว ที่อลิซและเหล่าเพื่อนผู้โชคร้ายของนาง (ที่มักจะอายุไม่ยืนกันเลยซักคน) และก็เป็นไปตามดังที่คาด เพราะตัวละครไหนที่นักแสดงไม่ได้เชิญกลับมา ก็มีการเล่าข้ามๆ ไป ให้ตัวละครนั้นๆ มีอันเป็นไปตลอด แต่ที่น่าสนใจคือ เรดควันเวอร์ชั่นอัพเกรด (ที่แสดงโดยลูกของเจ้มิลล่า) ถึงขั้นต้องยืมมืออลิซให้ช่วยทำในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้นั่นเอง (ไปดูในโรงเองสนุกว่าแน่)

โดยรวมแล้วตัวหนังมีการเดินเครื่องเต็มสูบมาก ตัวละคร (ที่คิดว่าตายแล้วอย่าง ดร.ไอแซกส์) ก็กลับมาได้แบบสไตล์ของเรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่ผิดคาดไปจากที่คิดเท่าไหน ในภาคนี้มีส่วนที่ชอบอยู่ไม่น้อย อาทิเช่น ฉากที่ดูอลังการขึ้น แอ็คชั่นมันส์จัดเต็มแบบนอนสต๊อปส่งท้าย และการเฉลยปมในภาคก่อนๆ บางเรื่องถึงขั้นอุทานในใจว่า “แถกันแบบนี้เลยว่างั้น” ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่าไหนๆ มันออกทะเลมาไกลขนาดนี้แล้ว ก็เชียร์ให้บทของภาคนี้มันออกทะเลไปให้ไกลที่สุดเลยก็ดีไม่น้อย อย่างน้อยคือมันก็ไปสุดในทางของมันเอง ส่วนตัวชอบในส่วนนี้จริงๆ

งานสามมิติของภาคนี้ เป็นอะไรที่ต้องติเลยก็ว่าได้ เพราะภาคที่ 4-5 ของซีรีย์ชุดนี้ทำภาพสามมิติไว้ได้เทพมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพุ่งทะลุ ความตื้นลึกของภาพ แยกเป็นเลเยอร์ชัดเจน กลับกันในภาคนี้ งานด้านภาพสามมิติไม่มีความพุ่งอะไรเลย มีแต่ความแบนราบ เหมือนดูหนัง 2D อยู่อะไรประมาณนั้นเลยทีเดียว

จุดด้อยอีกอย่างของภาคนี้คือ มุมกล้อง การจัดฉากแอ็คชั่น มีความห้วน ตัดสลับไปมา และใช้มุมกล้อง แฮนเฮล ที่เอาเป็นว่าฉากต่อสู้ทีไร ทำให้คนดูมึนในมุมกล้องทุกที

สรุปแล้ว ตัวหนังในภาคนี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เพอร์เฟคแบบที่หลายคนรอคอย แต่ในความเห็นส่วนตัว มันเป็นภาคที่มีความมันส์ ความสนุก กับสิ่งที่บทมันเขียนให้ออกทะเลไปเรื่อยๆ ไปได้สุดจริงๆ จนเราเอนจอยไปกับการทายว่า มันจะออกทะเลไปไกลได้แค่ไหน ส่วนตัวมีความเห็นว่า มันก็เป็นการปิดตำนาน 15 ปีของซีรีย์ชุดได้ได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว 8/10